ไข้เลือดออกอีโบลา (Ebola hemorrhagic fever)
|
ข้อมูลวิชาการ : อีโบลาเป็นโรคที่มีความรุนแรงมากที่สุดโรคหนึ่ง มีอัตราป่วยตายสูงถึงร้อยละ 50-90
แหล่งรังโรค
: ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าสัตว์ป่าในป่าฝนหรือป่าร้อนชื้นของอัฟริกาและเอเซีย
น่าจะเป็นแหล่งรังโรค ขณะนี้กำลังมีการศึกษาในเรื่องนี้อยู่ในสาธารณรัฐคองโก
และไอโวรี่ โคสท์ และเชื่อว่าลิงเป็นแหล่งโรค โดยลิงได้รับเชื้อมาก่อน แล้วจึงแพร่เช้อมาสู่คนอีกต่อหนึ่ง
การติดต่อ
: ติดจากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด
สารคัดหลั่ง อวัยวะภายใน และอสุจิของผู้ป่วย
(อาจมีเชื้อนานถึง 7 สัปดาห์หลังหายป่วย) การแพร่มักเกิดขึ้นในช่วงที่ผู้ป่วยอาเจียนเป็นเลือด และมีเลือดออกจากทวารต่างๆ และพบการติดเชื้อจากการจับต้องซากลิงซิมแปนซีในการระบาดที่ไอโวรี
โคสท์ และกาบอง
ระยะฟักตัว : 2 ถึง 21 วัน
อาการ :
ไข้สูงทันทีทันใด อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ เจ็บคอ ตามด้วยอาเจียน ท้องเสีย มีผื่นตามผิวหนัง ตับและไตวาย และอาจพบอาการของระบบประสาทส่วนกลางด้วย ในช่วงท้ายๆ จะมีเลือดออกทั่วไปตามอวัยวะภายใน ปาก และจมูก
การวินิจฉัย
: เป็นเชื้อที่ต้องตรวจวินิจฉัยในห้องปฏิบัติการพิเศษ ที่มีมาตรการชีวนิรภัยระดับ
4 ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันการติดเชื้อระดับสูงสุด ใช้การตรวจหาแอนติบอดีต่อเชื้อ หรือการแยกเชื้อจากเลือด ขณะนี้ยังไม่มีการผลิตชุดตรวจวินิจฉัยโรคนี้ออกจำหน่าย
การควบคุมการระบาด
:
การป้องกันการแพร่โรคเข้าประเทศ : เข้มงวดการนำเข้าลิงจากพื้นที่เกิดโรค และการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์การระบาดในต่างประเทศ องค์การอนามัยโลกไม่แนะนำให้ห้ามการเดินทางเข้าหรือออกจากประเทศช่วงเกิดการระบาด และเห็นว่าการใช้มาตรการทั่วๆ ไปสำหรับการป้องกันโรคติดต่อระหว่างประเทศก็เพียงพอแล้ว เช่น การสังเกตอาการผู้โดยสารในเที่ยวบินจากประเทศเกิดโรค การให้คำแนะนำเรื่องบริการรักษาพยาบาล และสามารถติดตามได้หากมีการเจ็บป่วยเกิดขึ้น
ประวัติการระบาด
โรคไข้เลือดออกอีโบลา มีการระบาดเกิดขึ้นในเขตชนบทใกล้ป่าฝนหรือป่าร้อนชื่นในทวีปอัฟริกา นับรวมถึงปัจจุบันมีผู้ป่วยแล้วมากกว่า
1,500 ราย และเสียชีวิตมากกว่า 1,000 ราย
1. ปี พ.ศ.2519 : ในช่วงกลางปี
เกิดการระบาดครั้งแรกที่เมืองซารา (Nzara)
ทางตอนใต้ของซูดาน
เกิดจากเชื้อ ไวรัสอีโบลาซูดาน (Ebola-Sudan) มีผู้ป่วยมากกว่า 284 ราย เสียชีวิต 117 ราย (อัตราป่วยตายร้อยละ 41)
2. ต่อมาในช่วงปลายปีเดียวกัน ห่างออกไปประมาณ 800 ไมล์ เกิดการระบาดที่เมืองยากูบุ
(Yamkubu) ทางตอนเหนือของซาอีร์ (ปัจจุบัน คือ สาธารณรัฐคองโก) เกิดจากเชื้อ ไวรัสอีโบลา ซาอีร์ (Ebola-Zaire) มีผู้ป่วย 318 ราย เสียชีวิต 280 ราย (อัตราป่วยตายร้อยละ 88)
3. ปี พ.ศ.2522 : ระบาดในพื้นที่เดิมของซูดาน
ป่วย 32 ราย ตาย 22 ราย (อัตราป่วยตายร้อยละ 68)
4. ปี พ.ศ.2532-33 : พบการระบาดในลิง
Cynomologous จากฟิลิปปินส์ที่นำเข้าสหรัฐอเมริกา
มีลิงป่วยและตายหลายตัว
จากการตรวจซีรั่มของผู้ดูแลลิงในช่วงการขนส่ง พบมีการติดเชื้อ
(มีแอนติบดดี) อย่างน้อย 4 คน แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต ผลการแยกเชื้อจากลิงที่กักขังไว้สังเกตอาการที่เมืองเรสตัน
(รัฐเวอร์จิเนีย) พบเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่
ชื่อว่า อีโบลาเรสตัน (Ebola-Reston) ซึ่งทำให้องค์การอนามัยโลกต้องออกมาเตือนทุกประเทศให้เข้มงวดการนำเข้าลิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลิงจากทวีป
อัฟริกาและเอเซีย
5. ปี พ.ศ.2538 : มีการระบาดใหญ่อีกครั้งในซูดาน ที่เมืองคิกวิท (Kikwit) ป่วย 315 ราย ตาย 244 ราย (อัตราป่วยตายร้อยละ 77) มีบุคลากรที่ติดเชื้อขณะดุแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลอีกครั้ง องค์การอนามัยโลกและศูนย์ป้องกันควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกาที่เมืองแอตแลนตา ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญไปศึกษาด้านระบาดวิทยา
และช่วยควบคุมการระบาด
6. ต่อมามีการระบาดเล็กประปรายในประเทศอื่นๆ เช่น ไอโวรี่ โคสท์ (มีผู้ป่วยยืนยัน
1 ราย
และลิงซิมแปนซีป่วยหลายตัว พบสายพันธุ์ใหม่
ซึงยังไม่มีข้อมูลการศึกษามากนัก) และกาบอง
พบการระบาดครั้งแรกในปี 2537
และระบาดอีก 2 ครั้งในปี 2539
7. ปี 2543-2544 : เกิดการระบาดครั้งแรกในยูกันดา ที่เมืองกูลู (Gulu) และเมืองบารารา (Mbarara) อยู่นานราว 5 เดือน มีผู้ป่วยมากกว่า 426 ราย เสียชีวิต 224 ราย (อัตราป่วยตายร้อยละ 52.6)
8.
ปลายปี 2544 : เกิดไข้เลือดออกอีบาระบาดในหมู่บ้านชายแดนของกาบอง (ป่วย 18 ราย) และสาธารณรัฐคองโก
(ป่วย 12 ราย) รวมมีผู้ป่วยยืนยัน (confirmed case) 30 ราย เสียชีวิต 22 ราย และมีผู้สัมผัส
(สัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย) อีก
182 ราย ต่อมาในเดือนมิถุนายน
2545 มีการระบาดในคองโกอีก และในขณะนี้ (กุมภาพันธ์ 2546) กำลังมีการระบาดของโรคที่สงสัยว่าเป็นอีโบลาทางตอนเหนือของคองโก ใกล้ชายแดนกาบอง ซึ่งมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว
38 ราย)
|
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น